หมวดทั่วไป
=> ข่าวสารและสาระที่น่าสนใจ => ข้อความที่เริ่มโดย: yuyhinn lee ที่ 10 พฤษภาคม 2563, เวลา 08:41:12 น.

หัวข้อ: อุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลังวิกฤตไวรัสโคโรนาจะเป็นอย่างไร
เริ่มหัวข้อโดย: yuyhinn lee ที่ 10 พฤษภาคม 2563, เวลา 08:41:12 น.
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลังวิกฤตไวรัสโคโรนาจะเป็นอย่างไร (https://www.bbc.com/thai/international-52521899)
บทความจาก  (https://www.facebook.com/soupvan/): BBC.com  (https://www.bbc.com/)/ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลังวิกฤตไวรัสโคโรนาจะเป็นอย่างไร  (https://www.bbc.com/thai/international-52521899)


[attach=1]

คนนอนอาบแดดที่ชายหาดต้องมีฉากกระจกกั้นระหว่างกัน ก่อนขึ้นเครื่องบิน ต้องมีการตรวจเลือดและฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อผู้โดยสาร

อาจจะฟังดูเกินจริง แต่นี่เป็นมาตรการที่ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกำลังพิจารณาใช้เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกปลอดภัยในโลกหลังยุคล็อกดาวน์

ยังเร็วเกินไปที่จะตอบได้ว่าจะมีการเดินทางระหว่างประเทศอีกครั้งเมื่อไหร่ อย่างอาร์เจนตินาสั่งระงับการบินไปจนถึงเดือน ก.ย. ส่วนทางการสหราชอาณาจักรบอกว่าคนคงไม่สามารถจองตั๋วไปเที่ยวไหนเร็วๆ นี้

การเดินทางไปต่างประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

นี่คือสิ่งที่อาจเกิดขึ้น


สนามบิน

สนามบินหลายแห่ง รวมถึงที่กรุงลอนดอน ได้กำหนดมาตรการสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องเดินทางในช่วงนี้แล้ว และก็อาจจะกำหนดใช้โดยถาวร ไม่ว่าจะเป็นการบังคับยืนห่างกัน 1 เมตร ถึง 2 เมตรตลอดเวลา จัดเจลล้างมือให้คนในสนามบิน

สนามบินนานาชาติฮ่องกงกำลังทดลองเครื่องฆ่าเชื้อแบบทั้งตัว ทางสนามบินบอกว่านี่จะสามารถฆ่าแบคทีเรียและไวรัสต่างๆ บนผิวและเสื้อผ้าได้ภายใน 40 วินาที


ไอเอ็มเอฟ คาดวิกฤตไวรัสโคโรนาระบาดจะทำเศรษฐกิจโลกถดถอยครั้งใหญ่ในรอบเกือบ 100 ปี  (https://www.bbc.com/thai/international-52291254)

 วิกฤตโควิด-19 ทำเศรษฐกิจไทยเลวร้ายสุดนับแต่วิกฤตต้มยำกุ้ง 2540  (https://www.bbc.com/thai/thailand-52035524)

 ธนาคารโลกคาดพิษโควิด-19 อาจฉุดเศรษฐกิจไทยตกต่ำมากเป็นอันดับ 2 ในเอเชีย-แปซิฟิก  (https://www.bbc.com/thai/international-52101949)



(https://ichef.bbci.co.uk/news/624/cpsprodpb/1429F/production/_112019528_hi061225465.jpg)
สนามบินนานาชาติฮ่องกงบอกว่าเครื่องสามารถฆ่าแบคทีเรียและไวรัสต่างๆ บนผิวและเสื้อผ้าได้ภายใน 40 วินาที

 นอกจากนี้ทางสนามบินก็กำลังทดลองใช้หุ่นยนต์ทำความสะอาดที่เคลื่อนไหวไปตามที่ต่างๆ ในสนามบินด้วยตัวเองเพื่อฆ่าเชื้อโรคด้วยรังสีอัลตราไวโอเล็ต เหมือนกับที่มีการทดลองใช้หุ่นยนต์คล้ายกันในการฆ่าเชื้อไวรัสในโรงพยาบาลด้วย

สนามบินที่มีเครื่องเช็ก-อินอัตโนมัติก็จะยิ่งขอให้ผู้เดินทางพึ่งเครื่องนี้มากขึ้นเพื่อลดการมีปฏิสัมพันธ์กับพนักงาน

เจมส์ ธอร์นตัน ประธานบริหารบริษัทนำเที่ยวอินเทรพิด (Intrepid) บอกว่ากระบวนการก่อนขึ้นเครื่องจะใช้เวลานานขึ้นเพราะมีมาตรการตรวจที่เข้มงวดกว่าเก่า

"จากที่การเอาของเหลวและเครื่องมือสื่อสารออกจากกระเป๋าเป็นเรื่องปกติ ต่อไปนี้ก็จะมีการเว้นระยะห่างทางสังคมด้วย เป็นไปได้ว่าเราจะได้เห็นการริเริ่มใช้ "พาสปอร์ตด้านภูมิคุ้มกัน"..."

ก่อนหน้านี้ สนามบินหลายแห่งประกาศเริ่มใช้เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิเพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญบางฝ่ายก็ไม่เห็นด้วย เพราะว่าคนไข้บางคนก็ไม่ได้แสดงอาการ ทำให้สนามบินหลายแห่งจะไม่ใช้มาตรการนี้

สายการบินเอมิเรตส์ เสนอการตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจเร็วหรือ rapid test ให้ผู้โดยสารก่อนจะขึ้นเครื่องที่สนามบินดูไบ โดยทางสายบินบอกว่าจะรู้ผลภายใน 10 นาที


บนเครื่องบิน

 ต่อไปนี้คุณคงจะต้องนึกภาพรอยยิ้มของพนักงานต้อนรับบนเครื่องเองเพราะพวกเขาน่าจะต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอด คุณอาจจะยิ้มกลับ แต่พวกเขาก็จะไม่เห็นรอยยิ้มคุณเหมือนกันเพราะคุณคงต้องใส่หน้ากากด้วยตามที่หลายประเทศเริ่มแนะนำให้ใช้กันแล้ว

(https://ichef.bbci.co.uk/news/624/cpsprodpb/D6AF/production/_111995945_gettyimages-1211028385.jpg)
ภายในห้องผู้โดยสารสายการบินเดลตาแอร์ไลน์เที่ยวบินในประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 25 เม.ย.

 แต่คุณน่าจะสบายใจได้ว่าสายการบินใหญ่ๆ จะต้องมีมาตรการทำความสะอาดอย่างถี่ถ้วนขึ้น ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะพับ ที่นั่ง และเข็มขัดนิรภัย

หากนั่งเครื่องสายการบินเกาหลี คุณจะพบพนักงานต้อนรับใส่ชุดป้องกันการติดเชื้อหรือ PPE ทุกคน

ต่อไปนี้ คุณอาจจะไม่ต้องแบ่งพนักวางแขนกับใคร เนื่องจากสายการบินส่วนใหญ่จะไม่มีคนจองเต็มเครื่องและต้องเว้นที่นั่งคั่นกลางไว้

คริสเตียน นักบินของสายการบินทุยแอร์เวย์ส ซึ่งขอสงวนนามสกุลไว้ บอกว่า แม้ว่าจะสมเหตุสมผลที่ควรให้ผู้โดยสารนั่งห่างกันบนเครื่อง แต่นี่จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นไปโดยปริยาย

"การต้องเสียที่นั่งไปหนึ่งส่วนสามหมายความว่าสายการบินต้องบินอย่างขาดทุน หรือไม่เราก็ย้อนกลับไปวันเก่าๆ ที่ราคาตั๋วเครื่องบินไปกลับปารีส-นีซ อยู่ที่ 1 พันปอนด์ (กว่า 4 หมื่นบาท)"

คริสเตียนบอกว่าบางประเทศที่ต้องพึ่งการท่องเที่ยวมากๆ เริ่มติดต่อเจรจากับสายการบินแล้ว เขาเชื่อว่าจะเส้นทางการบินบางส่วนจะเริ่มกลับมาทำการก่อนจะจบฤดูร้อนนี้


ที่จุดหมาย

(https://ichef.bbci.co.uk/news/624/cpsprodpb/22F3/production/_111274980_gettyimages-1207324409.jpg)

 หลังจากวิกฤตนี้จบสิ้น คุณอยากจะไปเที่ยวที่ชายหาดในอิตาลีไหม แต่คุณอาจจะต้องนอนอาบแดดโดยมีฉากกระจกกั้น

"ผมเห็นภาพวาดจำลองแบบมาแล้ว" อัลฟ์ ซอนแท็ก จากสถาบันวิจัยการท่องเที่ยว กล่าว "ในอิตาลี พวกเขาคิดจะทำตามไอเดียนี้จริงๆ"

เขาบอกว่า ที่ยุโรป ผู้ประกอบการกำลังคิดหามาตรการที่จะใช้กับแขกในโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นให้เปิดโรงแรมหนึ่งแห่งเว้นอีกหนึ่งแห่ง หรือแม้แต่ให้เปิดพักห้องแบบห้องเว้นห้อง

"หากว่าการเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นเป้าหมายหลัก นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องทำ ดูเหมือนไม่น่าจะมีการเปิดให้ใช้สระว่ายน้ำในรีสอร์ตในประเทศแถบเมติเตอร์เรเนียนได้"

เครือโรงแรม วีล่า เกล (Vila Gale) บอกว่า ทางโรงแรมได้เตรียมกักตุนเจลล้างมือและก็คิดเมนูอาหารจานเดี่ยวขึ้นมาทดแทนเมนูบุฟเฟต์แล้ว

นิโคโลส ซิปซาส อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ในกรุงเอเธนส์ เห็นด้วยว่าการกินแบบบุฟเฟ่ต์เพิ่มความเสี่ยงพาเชื้อแพร่ระบาด รวมถึงสระว่ายน้ำ บาร์ และชายหาด ด้วย

ประเทศยุโรปบางประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 น้อย เริ่มวางแผนความร่วมมือระหว่างกันแล้ว อาทิ โครเอเชียที่บอกว่าจะเปิดรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐเช็กและสโลวาเกียเป็นพิเศษในช่วงฤดูร้อนนี้


การเดินทางท่องเที่ยวอาจไม่เหมือนเดิมอีก

 หลังการระบาดใหญ่ การเที่ยวบนเรือสำราญ ไปรีสอร์ตสกี หรือการบินเที่ยวบินยาวๆ อาจไม่น่าสนใจเหมือนเดิม นายซอนแท็ก บอกว่า พฤติกรรมคนอาจเปลี่ยน การเดินทางในประเทศอาจทำให้คนตระหนักว่าจริงๆ แล้วพวกเขาไม่ต้องเดินทางไปเที่ยวไกลเหมือนแต่ก่อนก็ได้

(https://ichef.bbci.co.uk/news/624/cpsprodpb/732A/production/_103928492_gettyimages-545204676.jpg)

 จากแบบสำรวจโดยสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association) คนร้อยละ 60 บอกว่าจะจองตั๋วหลังควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้แล้ว 2 เดือน ส่วนร้อยละ 40 บอกว่าจะรออย่างน้อย 6 เดือน

บริษัทโบอิ้ง ซึ่งตัดพนักงานทั่วโลกถึง 10 เปอร์เซ็นต์ จากวิกฤตในครั้งนี้ บอกว่าต้องรอถึงอย่างน้อยปี 2023 กว่าที่การเดินทางทางอากาศจะกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับปี 2019

ไอเอจี(IAG) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ บอกว่าต้องใช้เวลาอีก "หลายปี"

 บทความจาก  (https://www.facebook.com/soupvan/) :   BBC.com  (https://www.bbc.com/)  อุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลังวิกฤตไวรัสโคโรนาจะเป็นอย่างไร  (https://www.bbc.com/thai/international-52521899)
yuyhinn :Big-QQ (45):