หมวดทั่วไป
=> ข่าวสารและสาระที่น่าสนใจ => ข้อความที่เริ่มโดย: ลุงซุป เชียงใหม่ ที่ 01 สิงหาคม 2563, เวลา 09:11:54 น.

หัวข้อ: 4 วิธีกำจัดขยะของเหลือใช้ ให้กลายเป็นของมีค่า
เริ่มหัวข้อโดย: ลุงซุป เชียงใหม่ ที่ 01 สิงหาคม 2563, เวลา 09:11:54 น.
4 วิธีกำจัดขยะของเหลือใช้ ให้กลายเป็นของมีค่า (https://www.kapook.com/)
 บทความจาก  (https://www.facebook.com/soupvan/) :  kapook.com  (https://www.kapook.com/) /  4 วิธีกำจัดขยะของเหลือใช้ ให้กลายเป็นของมีค่า  (https://erc.kapook.com/article24.php)


[attach=1]

4  วิธีกำจัดขยะของเหลือใช้  ให้กลายเป็นของมีค่า (https://erc.kapook.com/article24.php)

                     ขยะเกิดขึ้นทุกวัน ตามปริมาณการบริโภค หากกำจัดผิดวิธีก็จะสร้างปัญหาตามมาอีกมากมาย ซึ่งทุกคนช่วยกันได้เพียงปรับพฤติกรรมลดการใช้ นำกลับมาใช้ซ้ำ ใช้ใหม่ และการนำขยะไปเปลี่ยนเป็นพลังงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และกำจัดขยะให้เหลือน้อยที่สุด

(https://s359.kapook.com/pagebuilder/be7e11ca-5d6b-4cc8-8840-03630372c9cd.jpg)

                     จากการสำรวจข้อมูลสถานการณ์มลพิษของไทยปี 2561 พบว่า คนไทยทิ้งขยะเฉลี่ย "1.15 กิโลกรัมต่อคนต่อวัน" และดูเหมือนว่าตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งที่ผ่านมาทางภาครัฐก็ไม่นิ่งนอนใจ และพยายามหาทางแก้ไขผ่านนโยบายต่างๆ เช่น จัดทำ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก เพื่อมุ่งสู่ Zero Waste รวมทั้งเห็นชอบกับ 4 แผนจัดการปัญหาวิกฤตขยะจากภาคเอกชน ซึ่งประกอบด้วย การยกเครื่องโครงสร้างพื้นฐานรองรับการบริหารจัดการขยะ ผลักดันภาคธุรกิจผลิตสินค้าที่เอื้อต่อการรีไซเคิล สร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชน และบังคับใช้กฎหมายและบทลงโทษอย่างจริงจัง พร้อมทั้งมีการผลักดันให้นโยบายดังกล่าวเกิดขึ้นจริงอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันลดและกำจัดขยะด้วยวิธีที่ถูกต้องตามหลัก 3R อีกทั้งยังสนับสนุนโครงการการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะ เพื่อลดปริมาณขยะและมีผลพลอยได้เป็นพลังงานกลับมาใช้ประโยชน์

ทำไมต้องแยกขยะ เมื่อสุดท้ายก็นำไปรวมกันอยู่ดี ?

(https://s359.kapook.com/pagebuilder/2bb138c2-da27-4d70-ab88-5b2855cf6af6.jpg)

                    ทำไมต้องแยกขยะ ในเมื่อสุดท้ายก็เอาไปเทรวมกันอยู่ดี ? นี่คือคำถามที่หลายคนเคยสงสัย และสุดท้ายก็จบด้วยการรวมขยะทุกชนิดทิ้งลงในถังใบเดียวกัน ทั้งยังเป็นสาเหตุที่ทำให้มีปริมาณขยะเพิ่มขึ้นตามมาอีกด้วย เพราะไม่สามารถนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วหากช่วยกันคัดแยกตั้งแต่ในบ้านของตัวเองก่อนส่งต่อให้คนเก็บขยะ จะช่วยลดภาระ ไม่ต้องเสียเวลาคัดแยก และทำให้การกำจัดขยะที่ปลายทางสามารถนำไปรีไซเคิลได้ทันที ที่สำคัญคือ ช่วยลดปริมาณขยะ ลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม และเปลี่ยนทัศนียภาพบ้านเมืองให้น่ามองยิ่งขึ้น

สำหรับวิธีการแยกขยะให้ถูกต้องเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถร่วมด้วยช่วยกันได้ โดยทิ้งขยะตามสีถังขยะ 4  ประเภท ได้แก่ ถังขยะสีเขียว ถังขยะสีเหลือง ถังขยะสีน้ำเงิน และถังขยะสีแดง นั่นเอง

อ่านเพิ่ม : ถังขยะแต่ละสี ไว้ทิ้งขยะประเภทไหน ทิ้งอย่างไรจึงถูกวิธี (https://erc.kapook.com/article01.php)


"ขยะ" มีค่า แค่เปลี่ยนวิธีคิดในการใช้ - คัดแยก

                     หลายคนอาจจะมองว่า “ขยะ” เป็นสิ่งไร้ค่า แต่ในความจริงแล้ว เราสามารถเปลี่ยน ให้เป็นของมีค่าได้ เริ่มต้นจากการเปลี่ยนวิธีคิด ลดการใช้ ใช้ซ้ำ นำกลับมาใช้ใหม่ รวมถึงก่อนทิ้งควรมีการคัดแยกตามประเภทขยะ เพื่อนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์อื่น ๆ เช่น ทำปุ๋ยหมัก นำไปผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อให้การกำจัดขยะมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลที่สุด ทั้งนี้ หากทุกคนร่วมด้วยช่วยกันเชื่อว่า การจัดการขยะให้เป็นศูนย์ (Zero Waste) ในไทยไม่ไกลเกินเอื้อม และปัญหานี้จะหมดไปแน่นอน … แล้วเราจะเปลี่ยนขยะหรือสิ่งของเหลือใช้ให้มีค่าได้อย่างไร เรามี 4 คำแนะนำง่ายๆ มาฝากดังนี้


1.  Reduce : ลดการใช้

(https://s359.kapook.com/pagebuilder/053c02cd-efc3-44cf-8b83-ea25876adcc4.jpg)

                     Reduce เป็นวิธีลดการใช้ เพื่อให้เกิดขยะน้อยที่สุด มีหลักง่าย ๆ เลยคือ คิดก่อนซื้อ และลดการใช้ให้เหลือเท่าที่จำเป็น เช่น เตรียมแก้วส่วนตัวไปที่ร้านกาแฟ พกถุงผ้าติดตัวเผื่อเวลาไปตลาด ร้านสะดวกซื้อ หรือซุปเปอร์มาร์เก็ต รวมถึงนำภาชนะจากบ้านไปใส่อาหารเวลาซื้อกลับบ้านหรือทานอาหารที่ร้านไม่หมด เพียงเท่านี้ก็เท่ากับลดขยะลงได้ รวมถึงการลดผลกระทบจากของเหลือใช้ที่กำลังจะกลายเป็นขยะ เช่น การไม่ใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก กล่องโฟม เนื่องจาก ถุงพลาสติก ใช้เวลาย่อยสลาย 450 ปี ส่วนโฟมไม่สามารถย่อยสลายเองตามธรรมชาติได้ หากกำจัดด้วยการเผาทำลายก็จะก่อให้เกิดก๊าซสไตรีน (Styrene) หรือสารไดออกซิน (Dioxins) ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ รวมถึงสิ่งแวดล้อม

อ่านเพิ่ม : วิธีการลดถุงพลาสติก เพื่อช่วยลดโลกร้อนแบบยั่งยืน (https://erc.kapook.com/article04.php)


2.  Reuse : การใช้ซ้ำ

(https://s359.kapook.com/pagebuilder/d6ec11dd-0fc4-484f-9999-364f03c3785d.jpg)

                     Reuse คือ การนำบรรจุภัณฑ์เดิมกลับมาใช้ซ้ำได้หลายๆ ครั้ง หลีกเลี่ยงการใช้สินค้าหรือบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภท Single Use หรือใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง เช่น การใช้ขวดแก้วแทนพลาสติกที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลายครั้ง  รวมถึงการใช้ถุงผ้า ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีในแง่ของการนำกลับมาใช้ซ้ำ เพราะผลการวิจัยจาก Environment Agency 2006 ระบุว่า เราต้องใช้ถุงพลาสติกซ้ำประมาณ 133 - 393 ครั้ง ถึงจะคุ้มค่าเท่ากับการใช้ถุงผ้า 1 ครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น ถุงผ้าที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ถุงผ้าฝ้าย ถุงผ้าแคนวาส ถุงผ้ากระสอบ สามารถย่อยสลายได้ง่าย ต่างจากถุงพลาสติกที่ย่อยสลายยากและใช้เวลานานเป็นร้อยปี

                    นอกจากนี้ เรายังสามารถนำของเก่าที่ไม่ใช้แล้วส่งต่อให้กับองค์กรหรือคนที่ต้องการนำไปใช้ต่อ นอกจากจะเป็นการเคลียร์บ้านของเราให้สะอาด เป็นระเบียบแล้ว ยังสร้างความสุขทั้งผู้ให้ได้อิ่มเอมใจไปกับการช่วยเหลือ ส่วนผู้รับเองก็ได้รับในสิ่งที่ต้องการ ช่วยลดปริมาณขยะที่เกิดขึ้น แถมยังลดผลกระทบมลพิษทางอากาศ เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซมีเทน จากการกำจัดขยะ สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนด้วย

อ่านเพิ่ม : 10 สถานที่รับบริจาคของเหลือใช้ มีที่ไหนบ้าง ? (https://erc.kapook.com/article02.php)


3.  Recycle : นำกลับมาใช้ใหม่

(https://s359.kapook.com/pagebuilder/10075a45-ec59-45b6-9496-dd726486ccb4.jpg)

                     Recycle คือ การนำกลับมาใช้ใหม่โดยการแปรรูป หรือการนำวัสดุหรือบรรจุภัณฑ์ที่หมดสภาพการใช้งาน หรือเมื่อเราไม่ต้องการใช้แล้ว ไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่า หรือรถเก็บขยะที่มีการคัดแยก เพื่อส่งกลับเข้าสู่กระบวนการผลิตแปรรูปกลับเป็นสินค้าใหม่มาขายหรือใช้ได้อีก นอกจากนี้ยังรวมถึงการกำจัดขยะอินทรีย์ เช่น เศษอาหาร ซึ่งเป็นประเภทขยะที่มีความชื้นสูง ควรแยกทิ้ง เพราะสามารถนำไปทำปุ๋ยหมักบำรุงดินต่อได้

ทั้งนี้ในส่วนของขวดพลาสติก ที่เรามักจะพบหรือใช้บ่อยๆ ก็สามารถนำไปรีไซเคิลเป็นของใช้ในบ้านได้ง่ายๆ นอกจากจะช่วยลดปริมาณขยะแล้ว ยังช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตได้อีกด้วย

อ่านเพิ่ม : 9 วิธีเปลี่ยนขวดพลาสติก ให้เป็นของใช้ในบ้านง่ายๆ (https://erc.kapook.com/article14.php)


4.  Energy Recover : เปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน

(https://s359.kapook.com/pagebuilder/e23f2d6c-8067-4da6-be33-826d6cb2ce6e.jpg)

                     แม้จะมีการลดการใช้ ใช้ซ้ำ นำกลับมาใช้ใหม่ตั้งแต่ต้นทางไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังเหลือขยะตกค้างจำนวนมากที่ให้ต้องมาจัดการ โดยกรมควบคุมมลพิษปี 2561 พบว่ายังมีขยะตกค้างมากถึง 7.36 ล้านตัน และมีแนวโน้มว่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้ยังพบปัญหาขยะในประเทศไทยที่แก้ไขไม่หมด จนกว่าจะหาทางจัดการขยะได้เต็มประสิทธิภาพอย่างแท้จริง จากจุดนี้เองที่ทำให้เกิด Energy Recovery หรือ Waste to Energy การเปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน ทางออกที่ดีในการลดปริมาณขยะอย่างยั่งยืน มีผลพลอยได้เป็นพลังงานกลับมาใช้ โดยไม่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

                    สำหรับการเปลี่ยนขยะเป็นพลังงานมีหลายวิธีด้วยกัน เช่น การนำมารีไซเคิล การทำปุ๋ยหมัก การนำเอาก๊าซที่เกิดในหลุมฝังกลบมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตพลังงานไฟฟ้า หรือนำไปเข้ากระบวนการทางความร้อนหรือการเผา ซึ่งเราเรียกง่ายๆ ว่า เตาเผาขยะ เมื่อขยะผ่านการเผาแล้ว ก็เกิดพลังงานความร้อน ซึ่งแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า นี่จึงเป็นที่มาของคำว่า "โรงไฟฟ้าขยะ" นั่นเอง

อ่านเพิ่ม : เปิดเส้นทาง "ขยะ" จากปัญหา เป็นขุมทรัพย์พลังงานได้อย่างไร ? (https://erc.kapook.com/article18.php)

                     ทั้งนี้ ในส่วนของต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น สวีเดน เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ออสเตรีย และเกาหลีใต้ มีการสร้างโรงไฟฟ้าขยะ เพื่อนำขยะมาผลิตเป็นพลังงาน รวมถึงมีการจัดการขยะได้ดีเยี่ยม และประสบความสำเร็จในด้านการจัดการขยะ เพราะภาครัฐ เอกชน และประชาชนในประเทศ ให้ความร่วมมือร่วมใจแก้ไขปัญหาขยะ ส่งผลให้กลายเป็นเมืองสะอาด สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้มาก ในขณะเดียวกันแม้บางประเทศจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีปัญหาขยะล้นเมือง เพราะมีการตั้งถังขยะให้แยกตามประเภทในสถานที่สาธารณะ รวมถึงการสร้างแรงจูงใจด้วยโครงการให้นำขยะมาแลกเป็นเงิน ส่วนขยะที่เหลือก็นำมาปรับเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้ามาใช้

อ่านเพิ่ม : 6 ประเทศเมืองสะอาด จัดการขยะดีเยี่ยมที่คนไทยควรเอาเป็นต้นแบบ (https://erc.kapook.com/article10.php)

(https://s359.kapook.com/pagebuilder/1be1bcc9-8cd9-464a-ab83-ecbda3c9203c.jpg)

                    นี่คือส่วนหนึ่งของการลดปริมาณขยะ ด้วยหลัก 3R นั่นก็คือ Reduce (ลดการใช้) Reuse (นำกลับมาใช้ซ้ำ) และ Recycle (การนำมาแปรรูปใช้ใหม่) รวมถึง Waste to Energy (นำขยะไปผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้า) เพื่อนำขยะกลับไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเหลือขยะน้อยที่สุด ซึ่งหากภาครัฐ เอกชน และประชาชนทุกคนร่วมมือ-ร่วมใจกันทำ ก็จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นเมืองที่สะอาด สวยงาม และน่าอยู่มากขึ้นได้อย่างแน่นอน

 soupvan chiangmai  (https://www.facebook.com/soupvan/)